วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำ การใช้งานโปรแกรม
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ในวันนี้ผมจะมา Review เกมนึง ซึ่งเป็นเกมที่ผมชอบมาก นั่นก็คือ.... crossy road นั่นเอง เกมนี้เป็นเกมแนวทำลายสถิติโดยที่ตัวละครเราจะกระโดดอยู่บนถนน แล้วเราต้องคอยหลบสิ่งกีดขวางต่างๆนานา ในตัวเกมก็ไม่มีไรมาก ที่สำคัญ มีให้โหลดทั้ง ios และ android อีกด้วย เรามีดูกันดีกว่าว่าในเกมนี้มีอะไรบ้าง
เริ่มเข้าเกมมานั้นจะอยู่ในหน้าแบบรูปข้างบน วิธีเล่นนั้นก็ไม่ยากเลย แค่จิ้มไปที่หน้าจอ เท่านี้ตัวละครเราก็จะกระโดดไปข้างหน้าเรียบร้อย
เมื่อตัวละครเราชนสิ่งกีดขวางจำพวกต้นไม้แล้ว เราก็แค่ลากนิ่วไปทางซ้ายหรือขวา เท่านี้ตัวละครเราก็จะกระโดดไปตามนิ้วที่เราลากไปเป็นที่เรียบร้อย(ลากไปข้างหลังตัวละครก็จะกระโดดไปข้างหลังเหมือนกัน)
     
******คำเตือน******
เมื่อเราเล่นๆอยู่แล้วคิดจะไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เราควรที่จะกดหยุดเกมชั่วขณะ ดังภาพทางซ้ายมือ ถ้าเราไม่หยุด แล้วปล่อยทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เราจะโดนเหยี่ยวลากไปงาบเหมือนรูปทางขวา แล้วตายในที่สุด - -*
  
เมื่อเราเล่นไปถึงจุดนึงแล้วเกิดเราโดนรถชน T T ตายนั่นเอง อิอิ มันก็จะมีตัวเลือก2ตัวเลือกขึ้นมา นั่นคือ กดรับของขวัญ(รูปทางขวา) กับเปิดรับตัวละคร(รูปทางซ้าย)
     
และเมื่อเรากดเข้าไปที่กดรับตัวละคร หน้าจอเราก็จะขึ้นเหมือนทางรูปซ้ายมือจากนั้นให้เรากดไปตรงเลข100 นั่นคือใช้100เหรียญ(เงินในเกม) พอสุ่มตัวละครมาเสร็จ หน้าจอเราก็จะขึ้นเหมือนทางรูปขวามือ แล้วมีให้เรากด แชร์ เล่นต่อ หรือ สุ่มตัวละครต่อ ตามลำดับ
ในเกมนั้นมีตัวละครมากถึง 104 ตัวเลยทีเดียว ซึ่งบางตัวได้จากการสุ่มตัวละคร บางตัวก็ต้องทำภารกิจ(ภารกิจไม่มีบอกเราต้องเล่นไปมั่วๆเองผมก็ไม่เข้าใจทำไมไม่มีบอก 55555+) และบางตัวก็ต้องซื้อโดยใช้เงินจริงๆ
     
ต่อมานั่นคือในส่วนของการเปิดของขวัญ เมื่อเรากดเข้าไปจะมีรูปกล่องของขวัญ เมื่อเราเปิดเสร็จ มันก็จะมีบอกอีกเช่นกันว่าอีกกี่ชั่วโมงถึงจะได้รับของขวัญอีกครั้ง
และเมื่อเรารับของขวัญเสร็จ ก็จะมีภารกิจให้ทำซึ่งถ้าทำเสร็จภายในเวลาที่กำลัง(ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมง) เราก็จะได้รับของขวัญอีกครั้ง
เมื่อทำภารกิจเสร็จก็กลับไปกดรับของขวัญกันอีกครั้งเล้ยยยยยยยยย

สุดท้ายนี้แล้วเมื่อเราคิดจะเลิกเล่นเกมนี้(เกิดความเบื่อ) แต่ถ้าวันดีคืนดี เกิดเราอยากกลับมาเล่นแต่โหลดมาปุ๊บ แท่นแท๊นนนนนนนนน ตัวละครหายครับผม ไม่เป็นไร เพราะเรามีวิธีแก้ดังรูปด้านล่าง
นั่นคือให้เรา Login Facebook ของเราไว้นั่นเอง เผื่อวันนึงเรากลับมาเล่นตัวละครของเราจะยังคงอยู่

เป็นไงมั่งหละครับเกมนี้ น่าเล่นรึป่าวแต่ผมชอบนะ 55555+ สุดท้ายนี้ ก็ขออย่าเล่นเกมมากจนไม่ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเลยนะครับ ถ้ามีข้อมูลหรืออะไรที่ใส่ไม่ครบ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆท่านที่กดเข้ามารับชม

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558


คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ขอบคุณภาพจาก : http://koko633.exteen.com/images/60696computer.jpg

คอมพิวเตอร์ (computer) หรือเรียกว่า คณิตกรณ์ เป็นเครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ โดยอนุกรมนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อพร้อม ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย
คอมพิวเตอร์ถูกประดิษฐ์ออกมาให้ประกอบไปด้วยความจำรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูล อย่างน้อยหนึ่งส่วนที่มีหน้าที่ดำเนินการคำนวณเกี่ยวกับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์ และตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ และส่วนควบคุมที่ใช้เปลี่ยนแปลงลำดับของตัวดำเนินการโดยยึดสารสนเทศที่ถูกเก็บไว้เป็นหลัก อุปกรณ์เหล่านี้จะยอมให้นำเข้าข้อมูลจากแหล่งภายนอก และส่งผลจากการคำนวณตัวดำเนินการออกไป
หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์มีหน้าที่ดำเนินการกับคำสั่งต่าง ๆ ที่คอยสั่งให้อ่าน ประมวล และเก็บข้อมูลไว้ คำสั่งต่าง ๆ ที่มีเงื่อนไขจะแปลงชุดคำสั่งให้ระบบและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ เป็นฟังก์ชันที่สถานะปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกถูกพัฒนาขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ค.ศ. 1940 – ค.ศ. 1945) แรกเริ่มนั้น คอมพิวเตอร์มีขนาดเท่ากับห้องขนาดใหญ่ ซึ่งใช้พลังงานมากเท่ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) สมัยใหม่หลายร้อยเครื่องรวมกัน
คอมพิวเตอร์ในสมัยใหม่นี้ผลิตขึ้นโดยใช้วงจรรวม หรือวงจรไอซี (Integrated circuit) โดยมีความจุมากกว่าสมัยก่อนล้านถึงพันล้านเท่า และขนาดของตัวเครื่องใช้พื้นที่เพียงเศษส่วนเล็กน้อยเท่านั้น คอมพิวเตอร์อย่างง่ายมีขนาดเล็กพอที่จะถูกบรรจุไว้ในอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์มือถือนี้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาดเล็ก และหากจะมีคนพูดถึงคำว่า "คอมพิวเตอร์" มักจะหมายถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของยุคสารสนเทศ อย่างไรก็ดี ยังมีคอมพิวเตอร์ชนิดฝังอีกมากมายที่พบได้ตั้งแต่ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามจนถึงเครื่องบินบังคับ และของเล่นชนิดต่าง ๆ จนถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรม

ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้ใช้วงจรเบ็ดเสร็จขนาดใหญ่มาก (very large scale integrated circuit) ซึ่งสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากกว่าสิบล้านตัว เราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์ในรุ่นปัจจุบันออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วมาก และมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ชนิดอื่น ๆ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่ สามารถคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้หลายแสนล้านครั้งต่อวินาที และได้รับการออกแบบ เพื่อให้ใช้แก้ปัญหาขนาดใหญ่มากทางวิทยาศาสตร์และทางวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวัน การศึกษาผลกระทบของมลพิษกับสภาวะแวดล้อมซึ่งหากใช้คอมพิวเตอร์ชนิดอื่น ๆ แก้ไขปัญหาประเภทนี้ อาจจะต้องใช้เวลาในการคำนวณหลายปีกว่าจะเสร็จสิ้น ในขณะที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากการแก้ปัญหาใหญ่ ๆ จะต้องใช้หน่วยความจำสูง ดังนั้น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จึงมีหน่วยความจำที่ใหญ่มาก ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีหลายประเภท ตั้งแต่รุ่นที่มีหน่วยประมวลผล (processing unit) 1 หน่วย จนถึงรุ่นที่มีหน่วยประมวลผลหลายหมื่นหน่วยซึ่งสามารถทำงานหลายอย่างได้พร้อม ๆ กัน
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีสมรรถภาพที่ต่ำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาก แต่ยังมีความเร็วสูง และมีประสิทธิภาพสูงกว่ามินิคอมพิวเตอร์หรือไมโครคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์สามารถให้บริการผู้ใช้จำนวนหลายร้อยคนพร้อม ๆ กัน ฉะนั้น จึงสามารถใช้โปรแกรมจำนวนนับร้อยแบบในเวลาเดียวกันได้ โดยเฉพาะถ้าต่อเครื่องเข้าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถใช้ได้จากทั่วโลก ปัจจุบัน องค์กรใหญ่ ๆ เช่น ธนาคาร จะใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ในการทำบัญชีลูกค้า หรือการให้บริการจากเครื่องฝากและถอนเงินแบบอัตโนมัติ (automatic teller machine) เนื่องจากเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้ถูกใช้งานมากในการบริการผู้ใช้พร้อม ๆ กัน เมนเฟรมคอมพิวเตอร์จึงต้องมีหน่วยความจำที่ใหญ่มาก
มินิคอมพิวเตอร์ คือ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งสามารถบริการผู้ใช้งานได้หลายคนพร้อม ๆ กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะบริการผู้ใช้ในจำนวนที่เทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้ จึงทำให้มินิคอมพิวเตอร์เหมาะสำหรับองค์กรขนาดกลาง หรือสำหรับแผนกหนึ่งหรือสาขาหนึ่งขององค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น
ไมโครคอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรือขนาดเล็กกว่านั้น เช่น ขนาดสมุดบันทึก (notebook computer) และขนาดฝ่ามือ (palmtop computer) ไมโครคอมพิวเตอร์ได้เริ่มมีขึ้นในปีพ.ศ. 2518 ถึงแม้ว่าในระยะหลัง เครื่องชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพที่สูง แต่เนื่องจากมีราคาไม่แพงและมีขนาดกะทัดรัด ไมโครคอมพิวเตอร์จึงยังเหมาะสำหรับใช้ส่วนตัว ไมโครคอมพิวเตอร์ได้ถูกออกแบบสำหรับใช้ที่บ้าน โรงเรียน และสำนักงานสำหรับที่บ้าน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการทำงบประมาณรายรับรายจ่ายของครอบครัวช่วยทำการบ้านของลูก ๆ การค้นคว้าข้อมูลและข่าวสาร การสื่อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรือ E - mail) หรือโทรศัพท์ทางอินเทอร์เน็ต (internet phone) ในการติดต่อทั้งในและนอกประเทศ หรือแม้กระทั่งทางบันเทิง เช่น การเล่นเกมบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ สำหรับที่โรงเรียน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการช่วยสอนนักเรียนในการค้นคว้าข้อมูลจากทั่วโลกสำหรับที่สำนักงาน เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในการช่วยพิมพ์จดหมายและข้อมูลอื่น ๆ เก็บและค้นข้อมูล วิเคราะห์และทำนายยอดซื้อขายล่วงหน้า


เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร?
การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบให้สูงขึ้น เพิ่มการใช้งานด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง มีการแบ่งใช้งานอุปกรณ์และข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนสามารถทำงานร่วมกันได้
สิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบข้อมูลมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น คือ การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกัน และการเชื่อมต่อหรือการสื่อสาร การโอนย้ายข้อมูลหมายถึงการนำข้อมูลมาแบ่งกันใช้งาน หรือการนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในลักษณะแบ่งกันใช้ทรัพยากร 
http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.gif
เพิ่มคำอธิบายภาพขอบคุณภาพจาก:http://www.school.net.th/
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (Shared Resource) ในเครือข่ายนั้น
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System)
อุปกรณ์ในเครือข่าย
  1. การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card : NIC)
  2. โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator)
  3. ฮับ (Hub) 
โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Topology of LAN)
  • เครือข่ายแบบบัส (Bus Topology)
  • จะทำงานเหมือนกับรถบัสโดยสารประจำทางคอยวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากจุดหนึ่งๆ ไปยังจุดหมายปลายทาง ในเครือข่ายแบบบัส จะไม่มีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลายคอยควบคุมจัดการ ทุกเครื่องในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับช่องสื่อสารเส้นเดียวกัน อุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดในเครือข่ายสามารถสื่อสารส่งข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ถึงกันได้โดยไม่จำเป็น ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลาง ถ้ามีบางข่าวสารชนกัน อุปกรณ์ตัวนั้นจะหยุดชั่วขณะแล้วพยายามส่งใหม่
    ข้อดี คือ สามารถจัดการได้ทั้งเครือข่ายแบบ client/server และแบบ peer-to-peer
    ข้อจำกัด คือ จำเป็นต้องใช้วงจรสื่อสารและซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันของสัญญาณข้อมูล และถ้ามีอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเสียหาย อาจส่งผลให้ทั้งระบบหยุดทำงานได้
  • เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)
  • คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ทุกเครื่องจะสื่อสารกันถายในเครือข่ายผ่านสายสัญญาณที่มีลักษณะเป็นวงแหวน สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งวิ่งไป รอบวงแหวนจนกระทั่งไปถึงยังเครื่องปลายทางโดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์กลาง โดยมีโทเคนซึ่งเป็นบิต แบบมีแบบแผนจะวิ่งไปรอบๆ วงแหวนทำหน้าที่พิจารณาว่าเครื่องใดในเครือข่ายจะ เป็นผู้ส่งสารสนเทศ
    ข้อดี ข่าวสารจะเคลื่อนที่เป็นลำดับไปในทิศทางเดียว ขจัดปัญหาการชนกันของสัญญาณ
    ข้อจำกัด ถ้าเครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายเสียหาย อาจทำให้ทั้งระบบหยุดทำงานได้
  • เครือข่ายแบบดาว (Star Topology)
  • คือ จะมีไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องศูนย์กลางแม่ข่าย ไมโครคอมพิวเตอร์ที่เหลือและอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ทั้งหมดจะเชื่อมต่อไปยังเครื่องแม่ข่ายโดยมีฮับ (HUB) เป็นอุปกรณ์คอยจัดการรับส่งข่าวสารจากเครื่องหนึ่งๆไปสู่เครื่องอื่นๆ สายสื่อสารจะเชื่อมต่อจากไมโครคอมพิวเตอร์เข้าสู่ฮับแยกไปแต่ละเครื่อง สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งผ่านจากเครื่องหนึ่งผ่านฮับไปยังเครื่องปลายทาง ฮับจะคอยตรวจสอบลำดับการจราจรที่วิ่งไปมาในเครือข่าย
    ข้อดี ฮับจะทำหน้าที่คอยปกป้องการชนกันของข่าวสาร เมื่อเครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียหาย ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเครื่องอื่นๆทั้งระบบ
    ข้อจำกัด ถ้าฮับเสียหายจะทำให้ทั้งระบบต้องหยุดซะงัก และมีความสิ้นเปลืองสายสัญญาณมากกว่าแบบอื่นๆ
  • เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Topology)
  • คือ เป็นเครือข่ายที่ผสมผสานกันทั้งแบบดาว,วงแหวน และบัส เช่น วิทยาเขตขนาดเล็กที่มีหลายอาคาร เครือข่ายของแต่ละอาคารอาจใช้แบบบัสเชื่อมต่อกับอาคารอื่นๆที่ใช้แบบดาว และแบบวงแหวน

  • เครือข่ายแบบFDDI (FDDI Topology)
  • คือ เครือข่ายความเร็วสูงรุ่นใหม่ Fiber Distributed Data Interface การเชื่อมต่อจะมีความเร็วประมาณ 100-200 เมกะบิตต่อวินาที เครือข่าย FDDI จะใช้สายใยแก้วนำแสงโดยแปลงจาก โทโปโลยีแบบวงแหวน เพียงแต่มีวงแหวน 2 วง นิยมใช้สำหรับงานด้านที่ต้องการเทคโนโลยีสูง เช่น วีดิทัศน์แบบดิจิทัล , กราฟิกความละเอียดสูง
    ข้อดี ความเร็วสูง มีเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากมีวงแหวน 2 วง ถ้าวงใดวงหนึ่งเสียหาย การสื่อสารยังสามารถดำเนินต่อไปได้ในวงแหวนที่เหลือ
    ข้อจำกัด ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากใช้ใยแก้วนำแสง, อุปกรณ์และการจัดการเครือข่ายจะมีต้นทุนสูงกว่าโทโปโลยีอื่นๆ





    ที่มา




    วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

    วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์ 5ข้อ
    O-NET คือ การทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ซึ่งในภาษาฝรั่งก็คือ Ordinary National Education Test ที่จัดสอบโดย สทศ. ชื่อเต็มๆ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ในชื่อภาษาอังกฤษ National Institute of Educational Testing Service ตัวย่อ NIETS โดย ที่ข้อสอบจะประกอบไปด้วยเนื้อหา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่

    1. ภาษาไทย
    2. สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
    3. ภาษาอังกฤษ
    4. คณิตศาสตร์
    5. วิทยาศาสตร์
    6. สุขศึกษาและพลศึกษา
    7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี(วิชาคอมพิวเตอร์จะรวมอยู่ในนี้)
    8. ศิลปะ
    และนอกจาก O-NET จะใช้เป็นตัววัดระดับการศึกษาของเด็กไทยแล้ว ยังเป็นคะแนนที่เด็กๆระดับชั้นต่างๆต้องนำไปใช้ในการสมัครเข้าเรียนระดับชั้นต่อไปด้วย ก็คือ ชั้น ป.6 และ ม.3 ต้องใช้คะแนน O-NET สมัครเข้าเรียน ม.1 และ ม. 4 โดยให้น้ำหนัก 20% และสำหรับ ม.6 ใช้คะแนน O-NET ในการสมัคร Admission 30%
    ขอบคุณภาพจาก:http://teen.mthai.com/
    และในครั้งนี้ ผมได้ทำการนำข้อสอบ O-NET วิชาคอมฯ มาวิเคราะห์ให้ดูกัน5ข้อ มีดังนี้

    1.การกระทำใดต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
         1. การสร้างเวปไซต์ประมูลสินค้า
         2. ติดต่อสื่อสารผ่านโปรแกรม
         3. ค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสืบค้น
         4. ซื้อสินค้าผ่านระบบพาณิชอิเล็กทรอนิกส์

    2.กำหนดให้ P,M,N เป็นเลขจำนวน และ P เป็นผลบวกของ M และ N ขั้นตอนการจำลองความคิดเป็นข้อความที่แสดงผลลัพธ์สุดท้ายของผลรวมของเลขจำนวน M และ N เป็นอย่างไร
         1. เริ่มตื่น                              2. เริ่มต้น
             รับค่า N,M                            ให้ P=N+M
             ให้ P=N+M                          รับค่า N,M
             พิมพ์ค่า P                            พิมพ์ค่า P
             จบ                                      จบ
         3. เริ่มต้น                              4. เริ่มต้น
             พิมพ์ค่า P                             รับค่า N,M
             รับค่า N,M                            พิมพ์ค่า P
             ให้ P=N+M                          ให้ P=N+M

    3.ข้อใดเป็นการนำระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในงานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าการลงทุน
         1. ใช้ในฟาร์มเลี้ยงปลาในกระชัง
         2. ใช้ทำบัญชีรายจ่ายส่วนบุคคล
         3. ใช้ในการปลูกผักในแปลงเกษตรดั้งเดิม
         4. ใช้ในการควบคุมการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ของโรงงาน

    4.การใช้งานคอมพิวเตอร์ต้องกำหนดรหัสแทนข้อมูลเช่นรหัสแอสกี(ASCII)เนื่องจากเหตุผลหลักข้อใด
         1. เพื่อสามารถเข้าใจชุดคำสั่ง
         2. เพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน
         3. เครื่องคอมพิเตอร์ต้องประมวลชุดคำสั่งที่เขียนโดยภาษาโปรแกรม
         4. เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกัน

    5."การเตรียมวัตถุดิบในการผลิตกระดาษ โดยปอกเปลือกท่อนไม้ด้วยเครื่องปอกเปลือก ล้างท่อนไม้และส่งเข้าสู่เครื่องสับให้มีขนาดเล็ก แล้วคัดขนาดก่อนเข้าสู่การแยกเส้นใย" สิ่งใดที่จัดเป็นตัวป้อน(Input) ในระบบเทคโนโลยี
         1. ท่อนไม้
         2. เครื่องปลอกเปลือก
         3. เครื่องสับไม้
         4. น้ำที่ใช้ล้าง

    เฉลย
    ข้อ1. ตอบ1 
    เพราะการสร้างเวปไซต์ขึ้นมายังไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่ข้อที่เหลือ
    ต้องนำข้อมูลมาค้นหาต่อยอมสัมพันธ์กันทำให้ต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์

    ข้อ2. ตอบ1
    เพราะ P เป็นผลบวกของ M,N จึงได้สมการว่า P=N+M เราจึงต้องเริ่มต้นรับค่า N,M และให้ P=N+M 
    และพิมพ์ค่า P

    ข้อ3. ตอบ4 
    เพราะ ควบคุมการผลิต ต้องใช้ระบบสารสนเทศในการสื่อสาร,การเชื่อมโยงระบบเครือข่าย การจำหน่ายก็ต้องใช้ระบบสารสนเทศในการทำบัญชีการติดต่อซื้อขายก็เช่นกัน
    ส่วนข้อ 1 และ 3 ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบสารสนเทศก็ได้
    ส่วนข้อ 2 ทำบัญชีอย่างเดียวไม่คุ้มกับการลงทุน

    ข้อ4. ตอบ4 
    เพราะ ข้อ 1 ตอบไม่ได้เพราะคอมพิวเตอร์ก็มีชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์
    ข้อที่ 2 ตอบไม่ได้เพราะคอมพิวเตอร์ก็ยังอ่านคำสั่งเท่าเดิมไม่เร็วขึ้น
    ข้อที่ 3 ตอบไม่ได้เพราะการแทนรหัสแทนข้อมูลเป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นเองเพื่อให้เราและคอมพิวเตอร์เข้าใจ

    ข้อ5. ตอบ1
    เพราะ ท่อนไม้เป็นสิ่งที่เราเอาเข้าไป ข้อ 2,3และ4 เป็น (process) ที่นำท่อนไม้ (input) เข้าไปแล้วจะได้ ท่อนไม้เล็กๆ (output)

    จะเห็นได้ว่า O-NET นั้มีความสำคัญต่อเรามาก เนื่องจากการสอบของ ม.6 สอบแค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วคะแนนจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ไม่สามารถสอบอีกได้ และคะแนน O-NET นี้ก็ใช้ในส่วนของการสอบเข้ามหาลัยอีกด้วย ดังนั้น ทุกๆคนไม่ควรมองข้ามที่จะตั้งใจสอบ O-NET กันนะครับ

    ขอขอบคุณผู้รู้ที่ช่วยเฉลยข้อสอบอย่างละเอียดมา ณ ที่นี้


    วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

    สิ่งที่นักเรียนสนใจ(2) 
    การเพิ่มกล้ามท้องแบบเร่งด่วน

    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า กล้ามท้องของคนเรานั้น มีหลายประเภทมากไม่ว่าจะเป็นแบบ 4ลูก 6ลูก 8ลูก หรือจะเบี้ยวหรือยังไงก็แล้วแต่ ซึ่งในส่วนนี้ขอบอกเลยนะครับ ว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ เนื่องจากเป็นลักษณะของโครงสร้างกล้ามเนื้อของแต่ละคน ดังนั้น บางคนที่มีกล้ามท้อง4ลูก ก็ล้มเลิกที่อยากจะได้6ลูกแล้วนะครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะมีกี่ลูกก็รับรองได้ว่าเท่แน่นอนครับ

    ในตอนนี้ ขอแนะนำรูปร่างของมนุษย์คนเราก่อนนะครับ มนุษย์คนเรามีหุ่นอยู่3แบบหลักๆด้วยกัน ตามรูป
    แต่ละลักษณะ มีความหมายดังนี้

    หุ่นแบบ ectomorph

    เป็นหุ่นที่มีลักษณะในแนวยาว นั่นคือกล้ามเนื้อจะบาง แขนขาจะยาวบางดูเป็นธรรมชาติ เป็นหุ่นที่มีการจัดเก็บไขมันได้น้อยและสร้างกล้ามเนื้อได้ยาก

    หุ่นแบบ mesomorph

    เป็นหุ่นที่มีลักษณะกระดูกใหญ่ ไหล่กว้าง ลำตัวดูแข็งแรง ดูมีเอวมีโค้งเว้ามีทรง สามารถควบคุมระดับไขมันในร่างกายได้ง่ายและสร้างกล้ามเนื้อได้ดี

    หุ่นแบบ endomorph

    หุ่นแบบนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยนะครับ นั่นก็คือจะมีการสะสมไขมันเพิ่มได้ง่าย โดยเฉพาะที่เอวเนี่ย มาง่ายเหลือเกิน โครงสร้างของกระดูกก็ใหญ่และน้ำหนักก็ขึ้นง่ายเหลือเกิน
    ******ดังนั้นถ้าเรามีหุ่นแบบที่กล้ามเนื้อขึ้นได้ยาก ก็ไม่ต้องท้อที่จะเล่นกล้ามนะครับ******

    ท่าเพิ่มกล้ามท้องแบบเร่งด่วน

    ท่าที่ 1 Knee Up



     ฝึกให้ได้ 2 เซท เซทละ 15 - 30 ครั้ง 
            ท่าแรกลองไปหาม้านอนมาสักตัวเอาแบบที่มันขนานกับพื้น หรือจะแบบหัวขึ้น (incline) หรือ หัวลง (decline) ก็ได้ แล้วลองยกหัวให้สูงขึ้นจากม้านอน ท่านี้มันจะช่วยทำให้ออกแรงกล้ามท้องได้เต็มที่ การทำท่านี้จะมีผลลัพธ์คล้ายท่า hanging leg raise (ในท่าถัดไป) แต่ท่านี้ทำได้ง่ายกว่า คือแทนที่คุณจะต้องยกขาต้านแรงดึงดูดโลกในท่า hanging leg raise คุณก็นอนบนม้านอนในหน้านี้แทน ท่านี้คุณต้องงอหัวเข่า แล้วยกหัวเข่าขึ้นมาที่ศรีษะ และทำตัวให้โค้งเหมือนกับลูกบอล ค้างอยู่ในท่านี้สักพักก็หย่อนหัวเข่าลงไปที่เดิมจนก้นคุณสัมผัสกับม้านอน แล้วทำซ้ำอีก จงเอาใจใส่ว่าให้ใช้แรงจากหน้าท้องเท่านั้น หลีกเลี่ยงการออกแรงที่หลังส่วนล่าง 

    ท่าที่ 2 Crunch


    ฝึกท่านี้ อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 3 เซท เซทละ 15 ครั้ง
    และค่อยๆเพิ่มจำนวนครั้งไปเรื่อยๆจนถึง 40-50ครั้ง
    วิธีฝึกท่านี้คือ ม้วนหน้าท้องส่วนบน ให้เคลื่อนตัวขึ้นเป็นเส้นโค้ง พร้อมกับ หายใจออก หลักการคือ ให้เคลื่อนตัวเพียง 6 นิ้ว เท่านั้น อย่าเกินนี้ (วิทยาการสมัยใหม่ ได้แนะนำว่า การทำ ซิทอัพ ไม่ใช่ การออกกำลัง หน้าท้องที่ดี ใช้ท่านี้ดีกว่ามาก) นั่นคือหากดูไกลๆเหมือนกับคุณ ขยับแค่คอเท่านั้น นั่นแหละถูกต้องแล้ว เมื่อถึงจุดสูงสุดในจังหวะที่ 2 แล้ว ให้ค้างอยู่ประมาณ 1 วินาที แล้วจึงค่อยๆ วางตัวลงไป อยู่ท่าเดิมอย่างช้าๆ 

     ท่าที่ 3 HANGING LEG RAISE
     
    ทำ 3 เซท โดยใน 1 เซทจะทำให้ได้มากครั้งที่สุด เท่าที่จะทำได้
           (เคล็ดลับคือ ในเซทนั้นๆ ยิ่งคุณทรมานหน้าท้องคุณในท่านี้ได้มากเท่าไร ผลดีก็มากขึ้นเท่านั้น) 
    ในท่านี้ จะใช้น้ำหนักตัวเท่านั้น ไม่ใช้ลูกเหล็กอย่างอื่นถ่วงแต่อย่างใดเพราะแค่นี้ ก็เหนื่อยและหนักมากพอแล้ว พยายาม ให้ขาจนถึงปลายเท้า อยู่ในแนวเส้นตรงกันตลอด สิ่งที่ต้องระวังที่สุด คือ อย่าสวิงตัว หรือแกว่งเท้าช่วยเอาขาขึ้นอย่างเด็ดขาด ท่านี้จะให้ผลดีมาก ก็ต่อเมื่อคุณ เอาขาขึ้นและเอาขาลง
    อย่างช้าๆ 

    ปล.ถ้าอยากมีกล้ามท้องจนเห็นผล ควรทำอย่างสม่ำเสมอ และก็ขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าในแต่ละวันว่าทำปฏิบัติตัวอย่างไรไปบ้าง

    ที่มา